กลับบ้านตามถนนที่คุ้นเคย - กลับบ้านตามถนนที่คุ้นเคย นิยาย กลับบ้านตามถนนที่คุ้นเคย : Dek-D.com - Writer

    กลับบ้านตามถนนที่คุ้นเคย

    ฉันต้องเล่าให้ใครซักคนฟัง แต่ต้องไม่ใช่คนที่ฉันรู้จักหรือ คนที่อาจจะรู้จักฉัน ถนนนั้น เป็นเส้นทางประจำที่ฉันเคยผ่าน แต่มันมีบางอย่าเปรี่ยนไป ฉันไปที่นั่นได้อย่างไรและ คนพวกนั้นคือใคร หรืออะไร...

    ผู้เข้าชมรวม

    226

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    226

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    1
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  24 ต.ค. 64 / 01:14 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

          มันเริ่มจากวันที่เหน็ดเหนื่อยเหมือนปกติ ซึงฉันไม่ได้ทำอะไรเลย.. เหมือนปกติน่ะนะ

     ฉันเป็นสมาธิสั้น ดังนั้นการทำบางอย่ามันจะรู้สึกเหนื่อยกว่า คนอื่น ซึ่งมันก็ทำให้ฉันเป็นซึมเศร้าในเวลาต่อมา ก็นั่นแหละ ขอโทษที่พามาเรื่องส่วนตัวของฉันแต่ว่านั่นแหละ . . . . .

     มีนเลยเป็นวันธรรมดาที่ฉันนอนร้องไห้อยู่บนที่นอนของฉัน อยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น

     และเมื่อฉันลืมตาขึ้น สิ่งที่ฉันเห็น มันไมใช่กองผ้าในห้อง. . . แต่มันเป็น ถนนข้างป่า  ยาม ราตรี

     สัมผัสทำให้รู้ว่าฉันแยู่บนเก้าอี้ไม้แข็งๆ ฉันเผลอลงขึ้นนั่งทันที่ ใช่ มันเป็นความคิดที่โง่มากที่ขยับร่างกายอย่างกระทันหัน มันทำให้ความระแวงในตัวมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ   ฉันกอดเสื้อกันหนาวที่แดงที่สวมอยู่แน่น และมองรอบข้างอย่างช้าๆเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ ในขณะที่ในหัวมีแต่คำถาม

              “ฉันอยุู่ที่ไหน?” "ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?" “เกิดอะไรขึ้น?” “ฉันควรจะทำยังไง?" 

                    แน่นนอนว่านั่นไม่ใช่คำถามทั้งหมด มันเป็นสิ่งที่ฉันพอจะนึกออก 

      อย่างน้อยฉันก็ได้ทำตอบแรก ตอนนี้ฉันจำมันได้ ที่เป็นถนนที่ฉันผ่านประจำ อย่างน้อยฉันก็คิดแบบนั้น แ่ฉันเดินไปทางทิศใต้ ฉันก็จะเจอย่านที่ฉันอาศัยอยู่   ฉันกอดเสื้อกันหนาวไว้แน่น ถึงค่ำคืนจะหนาวแค่ไหน นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่ร่างกายของฉันสั่นระรัว มันคือความระแวง ฉันว่าฉันไม่ได้กลัวว่าจะเจออะไรแปลกๆ ฉันไม่คิดถึงเรื่องนั้นด้วยซ้ำ ฉันระแวงสิ่งรอบข้างอย่างอธิบายไม่ได้ ฉันไม่ชอบอยู่ในที่กว้างๆแบบนี้เลย . . .

       ฉันขอบอกเลยนะถนนเส้นนี้ในยามพระอาทิตย์ใกล้ขอบฝ้า มันสวยมากๆ ก้องเมฆเป็นสีชมพูเลยล่ะ                        

    แต่แสงเดียวตอนนี้คือแสงจันทร์เต็มดวง ฉันพอจะมองเห็นถนนได้ แต่หลังต้นไม้รอบข้าง มีเพียงความมืดและลมหนาว 

    ไม่เป็นไร ฉันปลอบใจตัวเองก่อนจะลุกขึ้น และเดินไปทางใต้ ฉันไม่มีแข็มทิศหรอกแต่ฉันมั่นใจเรื่องเส้นทาง

    . . .

    . . .

    ให้ตายสิ ฉันไม่ได้ใส่รองเท้า  ก็ฉันไม่ได้ใส่รองเท้านอนนี่น่ะ ก็ยังดีที่ฉันใส่ถุงเท้า หวังว่าจะไม่เหยียบอะไรแข็งๆหรือเจ็บเท้าจนเดินไม่ไหวละกัน 

      ฉันสวมฮูดแน่นและล้วงมือเข้ากระเป๋า และเริ่มออกเดิน 

    บรรยากาศรอบข้างช่างทำฉันกังวล ว่าแต่ถนนเส้นนี้ มีเก้าอี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เก้าอี้ริมทางมันปกติใช่ไหม แต่ริมทางนี่มันเป็นป่านะ  ฉันพยายามเลิกคิดถึงมัน เอาจริงๆมันก็ปกตินะ เพราะถนนเส้นนี้มีคนปั่นจักยานล้ม หรือนั่งพักประจำ คงจะมีใครคิดว่า มีเก้าอี้น่าจะดี

      ฉันเดินจากจุดเริ่มต้นมาไกลจนมองไม่เห็นจุดเริ่มต้น และแล้ว เมื่อฉันเดินผ่านความมืดจากเงาต้นไม่ใหญ่ 

    สิ่งที่ฉันเห็น  คือชายชราสวมหมวกไหมพรมใบหนา แต่กลับใส่เสื้อกล้ามขาดๆและกางเกงขาสั้นสีดำ ร่างกายดูอ่อนแอ ฉันเดินเข้าไปหาชายคนนั้น ด้วยความกังวล ก่อนจะเอ่ยบากถาม ร่างที่นอนอยู่บนเก้าอี้ไม้นั้น 

      “.ค..คุณเป็นอะไรรึปล่าวคะ . . . . มา ทำอะไรอยู่ที่นี่ คนเดียว หรอคะ ” 

      มันเป็นความคิดที่โง่ใช่ไหม ที่ไปทักคนแปลกหน้าข้างทาง ที่ไม่น่าไว้ใน แต่ ใช่ฉันเดินหาคนเปลกหน้า ฉันทักคนแปลกหน้าด้วยเสียงสั่นกลัว และใช่ ฉันไม่ควรทำแบบนั้น  แต่แล้วชายคนนั้นเรื่อมขยัยตัว. . .

     “.ม..มี อะไร ให้ช่วยไหม คะ” ฉันพูดด้วยเสียงสั่น

        ชายคนนั่นค่อยๆหันหน้ามาหาฉันอย่างช้าๆ . . . . 

    ใบหน้าเหี่ยวย่นของคนแก่นั่นเห็นได้อย่างชัดเจน เช่นเดียวกับความโกรธเกรี้ยว บนใบหน้านั่น  ฉันยืนตัวแข็ง ก่อนที่ปากของชานชราจะค่อยๆเปิดออก พร้อมส่งเสียงสูงแสบแก้วหู ฉันกลัวจนไม่กล้าจะขยับร่างกาย แขนขาของชายชราขยับอย่างผิดธรรมชาติ ปากของเขากว้างออกราวกับว่าจะสามารถกลืนสิ่งมีชีวิตตัวใหญ่ได้ ฉันสลัดความกลัวมาเป็นการเอาตัวรอด ฉันถอยออกมา และออกว่าอยางสุดกำลัง คนนั้น ไม่สิ เจ้านั่น ก็กำลังตามฉันมาเหมือนกัน จากเสียงกระดูกหรืออะไรซักอย่างแตกและเสียงสูงแสบแก้วหูนั่น มันไล่หลังฉันมา ฉันหยิบซองขนมในกระเป๋ากางเกงและปาไปข้างหลัง เผื่อว่า มันจะโดนถุงที่ยังมีขนมกรอบๆนั่นจะอัดเข้าหน้ามันได้ หรืออย่างน้อยมันจะสนใจเสียงของถุงขนม พอจะให้ฉันวิ่งหนีหรือซ้อนตัวได้ทัน

      และทันใดนั้น เสียงที่น่าขนลุกของมันก็เงียบลง ฉันมั่นใจว่ามีแค่เสียงฝีเท้าของฉัน และเมื่อฉันหลันกลับไปในขณะที่ฉันค่อยๆลดความเร็วเนื่องจากความเหนื่อย  .  .  . เจ้านั่น มันดูเหมือนจะพยายามกันขนมที่อยู่ในถุง และมีของแหลวสีดำไหลออกมาจากปากมัน ฉันไม่ให้ตัวเองได้วิเคราะห์เพิ่ม ฉันเพิ่มความเร็ว และตรงเข้าเงามืดในถนนอีกครั้ง 

     มันไม่ตามฉันมาแล้ว โชคดีแล้วล่ะ ฉันเดินต่อไปตามถนน ผ่านเง่ามืดครั้งแล้วครั้งเล่า ฉันเจอสิ่งที่เหมือนกับมนุษย์ นั่งอยู่บนเก้าอี้เก่าๆ มายมาย ดูเหมือนว่าถ้าฉันไม่เข้าไปหาสิ่งนั่นฉันคงจะปลอดภัย. . .

     

       ขณะที่ฉันเดิมผ่านเงามืด ฉันก็ได้ยินเสียง เสียงร้องให้ของผู้หญิงเบาๆ เมื่อฉันมอกไปรอบๆฉันก็เห็น 

     

      หญิงสาวที่กำลังนั่งขดตัวร้องไห้ และตัวสั่นเทา  แน่นอน ฉันเดิมเข้าไปหาเธอ .  .  . และใช่เธอน่าจะเป็นมนุษย์ เมือเธอเห็นฉัน ฉันมองเห็นความหวาดกลัวในตัวตาของเธอ เธอรีบก้มหน้าพยายามไม่ส่งเสียง 

       “พี่ โอเครไหม เกิดอะไรขึ้น ” ฉันถามเธอ เธอดูแก่กว่าฉันเล็กน้อย 

    เธอค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองฉัน เธอดูหวาดกลัวอย่าเห็นได้ชัด เธอส่ายหัวให้ฉัน สร้างความมึนงงให้กับฉัน ฉันเอียงหัวด้วยความสงสัย  ในที่สุดเธอก็เอ่ยปาก แต่เสียงของเธอเบามากๆและเป็ยเสียงสั่นสะอื้น เสื้อผ้าบางๆของเธอทำให้ฉันคิดว่าเธอคงหนาวฉันจึงให้เสื้อกันหน้าสีแดงตัวโปรดของฉันกับสาวคนนั้น ฉันใช้เสื้อของฉันคลุมไหล่ให้เธอ เธอเริ่มส่งเสียงสะอื้นดังขึ้น ฉันพอจะจับใจความได้ว่าเธอนั่งอยู่ที่เก้าอี้ริมถนนมาซักพัก และมีคนแปลกๆ เดินผ่านที่ที่เธออยู่  

     เธอคงจะเจออะไรคร้ายกับฉัน ฉันจึงบอกสิ่งที่ฉันพอจะรู้เกี่ยวกับถนนนี้ และชวนเธอให้ออกไปจากนี้ด้วยกัน 

    เธอฉันเช็ดน้ำตาให้เธอ “ออกไปจากที่นี่ด้วยกัยเถอะนะ หนูก็กลัวเหมือนกัน แต่ถ้ามาคนอยู่ด้วยคงจะอุ่นใจ” 

    เราเดินผ่านเงามืดบนถนนด้วยกันและไม่เจอ สิ่งนั้น อีกเลยระหว่างทาง . . 

    (เดี๋ยวจะมาเขียนต่อนะคะ)

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×